วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

ASSURE Model

การวิเคราะห์และการออกแบบการใช้
ตามหลักของ Assure Model
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
เรื่อง การวัดค่ากลางของข้อมูล (มัธยฐาน)

สาระสำคัญ

          มัธยฐาน หมายถึง ค่าที่มีตำแหน่งอยู่กึ่งกลางของข้อมูลทั้งหมด โดยเรียงลำดับข้อมูลจากค่าน้อยที่สุดไปหาค่ามากที่สุด หรือจากค่ามากที่สุดไปหาค่าน้อยที่สุด
โดยขั้นตอนการหาค่ามัธยฐานมีดังนี้
1)  เรียงลำดับข้อมูลจากค่าน้อยที่สุดไปหาค่ามากที่สุด หรือ จากค่ามากที่สุดไปหาค่าน้อยที่สุด
2) หาตำแหน่งของมัธยฐานได้จากสูตร
ตำแหน่งของมัธยฐาน =  ( N + 1 ) / 2 เมื่อ N คือ จำนวนทั้งหมดของข้อมูลชุดหนึ่ง
พิ   3) พิจารณาค่ามัธยฐาน
กรณีที่ 1 ถ้าจำนวนทั้งหมดของข้อมูล (N) เป็นจำนวนคี่ ค่ามัธยฐานจะตรงกับค่าของข้อมูลที่อยู่ในตำแหน่งของมัธยฐาน
กรณีที่ 2 ถ้าจำนวนทั้งหมดของข้อมูล (N) เป็นจำนวนคู่ ค่ามัธยฐานจะเป็นค่าที่อยู่ระหว่างค่าของข้อมูลในตำแหน่งที่  N/2  กับ   ( N/2 ) + 1 โดยใช้การหาค่าเฉลี่ย

การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน ( Analyze Leaner Characteristics )

          โรงเรียนบ้านโคกสูงเนิน(นามสมมติ) เป็นโรงเรียนมัธยมขนาดย่อม ในจังหวัดเชียงราย เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6  ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสนใจในการเรียนคณิตศาสตร์มากนัก เนื่องจากพวกเขาเห็นว่า คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่เรียนแล้วไม่เข้าใจ ไม่เห็นภาพตาม และเข้าใจผิดไปเองว่า ในชีวิตประจำวันคณิตศาสตร์ไม่เห็นจะได้ใช้ประโยชน์อะไร พวกเขาเลยไม่รู้ว่าจะเรียนไปเพื่ออะไร นักเรียนเหล่านี้จึงไม่ตระหนักถึงความสำคัญของวิชาคณิตศาสตร์ และมีเจตคติที่ไม่ดีต่อกระบวนวิชา ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ทางโรงเรียนได้ตั้งไว้

ลักษณะทั่วไป   :    
           ผู้เรียนอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความรู้สึกเบื่อหน่ายกับเทคนิคการสอนของครูคณิตศาสตร์ที่ล้าสมัย ที่เน้นเพียงการบรรยายให้นักเรียนจดบันทึกตามสิ่งที่ครูสอน มากกว่าการให้นักเรียนได้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองผ่านการทำกิจกรรม ส่งผลให้บรรยากาศในชั้นเรียน มีเพียงครูที่เป็นผู้ดำเนินการเรียนการสอน นักเรียนไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ ทำให้นักเรียนไม่อยากเรียนและไม่เห็นความสำคัญของการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ในแก้ปัญหานี้ หากครูออกแบบกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ทำให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม ได้ลงมือปฏิบัติจริง มีสื่อที่ดึงดูดความสนใจและเชื่อมโยงเนื้อหาคณิตศาสตร์เข้ากับชีวิตประจำวันให้มากขึ้น ก็จะช่วยกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความอยากที่จะเรียนรู้และเห็นความสำคัญของคณิตศาสตร์ได้มากขึ้นเช่นกัน



ลักษณะเฉพาะ  :  
-  ทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการดำเนินการเบื้องต้นของจำนวนจริง 
-  ความเข้าใจสมบัติของจำนวนจริง                                                       
-  ทัศนคติของผู้เรียนต่อการเรียนในวิชาคณิตศาสตร์

การกำหนดวัตถุประสงค์ ( State Objectives )   

  • ด้านพุทธพิสัย
    นักเรียนสามารถหาค่ามัธยฐานของข้อมูลที่ไม่แจกแจงความถี่ได้
  • ด้านจิตพิสัย
                   - นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรม
                   - นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องานที่ตนเองได้รับมอบหมาย และส่งงานตรงเวลา
                   - นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์

  • ด้านทักษะพิสัย
                   - นักเรียนสามารถให้เหตุผลประกอบคำตอบของตนเองได้อย่างเหมาะสม
                   - นักเรียนสามารถแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับการหาค่ามัธยฐานได้อย่างหลากหลาย

การเลือก ดัดแปลงหรือออกแบบสื่อใหม่ ( Select, Modify, of Design Materials )

  • การเลือกสื่อที่มีอยู่แล้ว
                  -  หนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์
                  -  คอมพิวเตอร์                       
                  -  เครื่องฉายโปรเจคเตอร์
  • สื่อประเภทเทคนิคหรือวิธีการ
        -  การเรียนรู้โดยใช้กระบวนการกลุ่ม                                         
        -  การปฏิบัติจริง
  • การปรับปรุง หรือดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้ว
          ครูยกตัวอย่างในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาทางคณิตศาสตร์ให้กับนักเรียน เพื่อดึงดูดความสนใจของนักเรียน และทำให้นักเรียนเห็นว่าสิ่งที่ตนเองกำลังจะเรียนนั้นอยู่ในชีวิตประจำวันของนักเรียนนั่นเอง
  • การออกแบบสื่อใหม่
          ออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน เรื่อง มัธยฐาน โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของนักเรียน เน้นให้นักเรียนได้ลงมือทำและสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง อาทิ การใช้เกมมาช่วยในการจัดการเรียนการสอน เนื่องจากเนื้อหาในเรื่องนี้สามารถนำมาออกแบบเป็นเกมให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น การใช้เป้าปาลูกดอกมาให้นักเรียนปาเป้า แล้วให้นักเรียนแต่ละทีมรวมคะแนนที่ทีมตนเองได้ แล้วนำมาหาค่ามัธยฐาน ใช้การหมุน Roullette เพื่อนำผลรวมของนัหเรียนแต่ละกลุ่มมาหาค่ามัธยฐาน หรือแม้กระทั่งการใช้ความสูงของนักเรียนเองมาออกแบบเป็นกิจกรรมในการสอนเรื่องมัธยฐาน ซึ่งการใช้ความสูงของนักเรียนนี่เองเป็นการใช้สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวของนักเรียนมาช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ การเรียนรู้ผ่านการเล่นเกมนอกจากจะช่วยดึงความสนใจของนักเรียนแล้ว นักเรียนยังได้รับความรู้ สนุกกับการเรียน และสิ่งที่สำคัญคือ หากนักเรียนมีความสุขกับการเรียนแล้วย่อมทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของเขาเกิดขึ้นอย่างสูงสุด
         

การใช้สื่อ ( Utilize Materials )
  1.  ครูทบทวนเนื้อหา และขั้นตอนของการทำกิจกรรมที่จะให้นักเรียนได้ลงมือทำก่อน เพื่อดูว่ากิจกรรมที่ตนเองนำมาให้นักเรียนทำตรงตามจุดประสงค์หรือไม่ นักเรียนจะได้รับอะไรหลังจากการทำกิจกรรม นอกจากนี้ก่อนการนำกิจกรรมมาให้นักเรียนได้ลงมือทำ ครูควรมีการทดลองใช้กิจกรรมก่อน เพื่อหาข้อบกพร่องหรือสิ่งที่ควรจะเสริมเข้าไป เพื่อให้การเรียนการสอนเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
  2. กิจกรรมที่ครูเตรียมมาค่อนข้างจะใช้พื้นที่ในการทำกิจกรรม ครูต้องมีการจัดเตรียมสถานที่ให้เหมาะสม เพื่อความราบรื่นของการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอน
  3. ครูต้องควบคุมนักเรียนในขั้นตอนของการทำกิจกรรมให้ดี เพราะอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวาย


การกำหนดการตอบสนองของผู้เรียน ( Require Learner Response )

สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนว่ามีส่วนร่วมในกิจกรรมมากน้อยเพียงใด และมีการถามคำถามกับนักเรียน ให้นักเรียนแต่ละคนได้มีส่วนร่วมในการตอบ โดยครูพยายามให้นักเรียนที่ไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็นของตนเองได้แสดงให้เพื่อนฟัง เมื่อนักเรียนตอบคำถามครู ครูควรชมนักเรียนในกรณีที่นักเรียนสามารถตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง และมีการให้กำลังใจแก่นักเรียนเมื่อคำตอบของนักเรียนยังไม่ถูกต้อง นอกจากนี้เมื่อครูถามคำถามกับนักเรียนแล้ว ครูต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ถามคำถามกับครู เป็นการประเมินความเข้าใจเบื้องต้นของนักเรียนไปในตัว และเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ถามถึงสิ่งที่ตนเองสงสัย และอยากรู้เพิ่มเติม

การประเมิน ( Evaluation )

การประเมินผลกระบวนการเรียนการสอน :   
ประเมินจากแบบฝึกหัดเพิ่มเติม สังเกตจากความสนใจของผู้เรียนในการทำกิจกรรมว่ามีความสนใจ ตั้งใจทำกิจกรรม ใฝ่เรียนใฝ่รู้ มีวินัยในตนเองมากน้อยเพียงใด

          การประเมินสื่อและวิธีการสอน :
การจัดการเรียนการสอนโดยการใช้เกมเป็นตัวดำเนินกิจกรรม ทำให้นักเรียนเกิดความสนใจในบทเรียนมากกว่าการเรียนโดยเน้นการบรรยายเพียงอย่างเดียว นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม และตัวกิจกรรมที่ครูออกแบบช่วยนักเรียนสามารถหาค่ามัธยฐานของข้อมูลที่ไม่มีการแจกแจงความถี่ได้ โดยที่ครูไม่ได้สอนแบบบรรยายเหมือนที่ผ่านมา

           การประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน :
               - ประเมินจากการทำแบบฝึกหัดถูกอย่างน้อย 80% ขึ้นไป
               - ประเมินจากการนำเสนอสิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้หน้าชั้นเรียน
               - ประเมินจากการมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมของนักเรียนในชั้นเรียน